ประสาทหูเสื่อม

โรคประสาทหูเสื่อม คืออะไร แพทย์จะวินิจฉัยโรคประสาทหูเสื่อมได้อย่างไร ?

ประสาทหูเสื่อมหรือที่เรียกว่า “Sensorineural Hearing Loss” เป็นหนึ่งในประเภทหนึ่งของความสูญเสียการได้ยินที่เกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาในระบบประสาทหูหรือเนื้อเยื่อที่เชื่อมต่อกับหู ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกของหู ซึ่งต่อไปนี้คือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประสาทหูเสื่อม ประสาทหูเสื่อมหมายถึงการสูญเสียความสามารถในการได้ยินเนื่องจากการทำลายหรือเสื่อมสภาพของเซลล์สมองและหูฟัง ซึ่งสามารถเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น อายุเพิ่มขึ้น, การโดนเสียงดังเป็นระยะเวลานานๆ โรคที่เกี่ยวกับหูและการใช้ยาบางชนิด อาการของผู้ที่มีปัญหาประสาทหูเสื่อมมักจะรับรู้ได้ตามลักษณะของอาการ ดังนี้ มีปัญหาในการได้ยินคำพูด ความยากลำบากในการแยกแยะเสียง การเสียดสีของเสียง การเบี่ยงเบนหรือชะงักของเสียง การรักษาประสาทหูเสื่อมอาจมีหลายวิธี ซึ่งจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของโรค เช่น การสวมใส่เครื่องช่วยฟังหรือประสาทหูเทียม เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการได้ยิน เปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตที่สามารถลดความเสี่ยงของการเสื่อมของเซลล์หูและสมอง เช่น การลดการใช้เครื่องเสียงดัง หรือการหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เสียงดังเกินไป และหากมีภาวะแทรกซ้อนอื่น เช่น การติดเชื้อหรืออาการปวดหู อาจจะต้องรักษาด้วยยาหรือการผ่าตัดทางการแพทย์ตามความเหมาะสม

โรคประสาทหูเสื่อม คืออะไร แพทย์จะวินิจฉัยโรคประสาทหูเสื่อมได้อย่างไร ?

แพทย์จะวินิจฉัยโรคประสาทหูเสื่อม โดยวิธีการต่างๆ ดังนี้ ซึ่งเราต้องแจ้งก่อนว่าวิธีกาต่างๆ ดังนี้ จะมาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคที่เป็นอยู่ด้วย ฉะนั้น การให้หมอวินิจฉัยจึงสำคัญ โดยการการซักถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ที่สำคัญเช่น อาการ การตั้งครรภ์/การฝากครรภ์(ในสตรี) ประวัติโรคต่างๆในครอบครัว โรคประจำตัว การฉีดวัคซีน การใช้ยาต่างๆ โดยการการตรวจร่างกาย ที่รวมถึงการตรวจวัดสัญญาณชีพ โดยการการตรวจหูที่รวมถึงการตรวจดูในช่องหูด้วยเครื่องมือเฉพาะทาง ท้ายนี้ แพทย์จะวินิจฉัยโรคประสาทหูเสื่อม โดยการอาจมีการตรวจอื่นๆเพื่อการสืบค้นเพิ่มเติมตาม อาการผู้ป่วย, ชนิดโรคที่แพทย์สงสัยเป็นสาเหตุ, และดุลพินิจของแพทย์ เช่น ตรวจเลือด เพื่อดูค่าต่างๆ เช่น CBC, สารภูมิต้านทาน, สารก่อภูมิต้านทาน, ค่าน้ำตาลในเลือด, ไขมันในเลือด, ค่าการทำงาน ของตับ ของไต ปัสสสวะ:การตรวจปัสสาวะ การเอกซเรย์ ภาพหู การตรวจภาพหูด้วย เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (ซีทีสแกน) และ/หรือเอมอาร์ไอ เพื่อดูพยาธิสภาพอย่างละเอียดของหู การตรวจเชื่อ, การเพาะเชื้อ จากสารคัดหลั่งจากหู เช่น สารน้ำ, หนอง การเจาะดูดเซลล์จากรอยโรคที่หู และ/หรือต่อมน้ำเหลือง เพื่อการตรวจทางเซลล์วิทยา การตัดชิ้นเนื้อจากรอยโรคที่หู หรือจากต่อมน้ำเหลืองลำคอ เพื่อการวินิจฉัยทางพยาธิวิทยา และการตรวจเทคนิคเฉพาะทางหูกรณีผู้ป่วยมีปัญหาทางการได้ยินนั่นเอง